ทางเราได้ร่วมทีมกับคุณนาวีให้เป็นที่ปรึกษาบริษัท

อดีตผู้ตรวจสอบการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ซัพพอร์ทธุรกิจของลูกค้าด้วยความรู้หลากหลายด้าน

 

ที่ปรึกษาด้านการจัดการธุรกิจ
คุณนาวี รัตนพร
Mr.Navee Rattanaporn

 

อดีตเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย ก้าวไปสู่การเป็นที่ปรึกษาอิสระด้านธุรกิจและการเงิน

 

Q.  ช่วยเล่าถึงประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาหน่อยครับ

 หลังจากที่จบปริญญาตรีที่คณะบัญชีฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี1975 ได้เข้าทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบการเงินของสถาบันการเงินเอกชน และเป็นคนพิจารณาตรวจสอบเรื่องการให้เครดิต หลังจากนั้นได้เกิดจุดเปลี่ยนในช่วงปลายปี 80 ในยุคนั้นมีบริษัทการเงินหลายบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ในตอนนั้นผมได้รับมอบหมายให้ไปทำงานที่บริษัทสินเชื่อเอกชนแห่งหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวกลับมา โดยได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งเป็นMD.

 

ซึ่งในช่วงปี 85 จากการที่กลุ่มG5 ทำข้อตกลงพลาซ่าที่ตกลงกันลดค่าเงินดอลล่าร์ ทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ไปด้วย โดยสถาบันการเงินหลายแห่งประสบปัญหาหนัก จนสุดท้ายบริษัทที่ผมดำรงตำแหน่งเป็นMD.ก็ต้องปิดกิจการไป

Q.  ได้ผ่านช่วงเวลาที่ลำบากมากเลยนะครับ หลังจากนั้นเป็นยังไงต่อครับ?

 หลังจากที่ผมเรียนจบMBAที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปี 88 ผมก็เริ่มผันตัวมาเป็นที่ปรึกษาอิสระด้านการเงินตั้งแต่ปี91 โดยใช้ประสบการณ์และทักษะที่มีทั้งหมดมาประยุกต์ใช้ ตั้งแต่ที่ผมผันตัวเป็นที่ปรึกษาฯแล้ว ที่ผ่านมาผมได้มีให้คำปรึกษาหลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารบริษัท ไปจนถึงการให้คำปรึกษาเรื่องแรงงาน ซึ่งมีให้คำปรึกษากับบริษัทญี่ปุ่นอยู่เยอะด้วยเช่นกัน เนื่องจากในยุคนั้นเป็นยุคที่กลุ่มธุรกิจญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนที่ประเทศไทยอยู่เป็นจำนวนมาก

ให้คำแนะนำความรู้ด้านการจัดการองค์กรให้เข้ากับวัฒนธรรมไทย

Q. ส่วนมากบริษัทญี่ปุ่นจะขอคำปรึกษาในเรื่องไหน?

ส่วนมากจะขอคำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาด้านความแตกต่างของวัฒนธรรมญี่ปุ่นและไทย เนื่องจากว่าบริษัทกลุ่มอุตสาหกรรมญี่ปุ่นมีความจำเป็นที่จะต้องนำเทคโนโลยีและระบบการบริหารงานแบบญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้มีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะนำเอาระบบของญี่ปุ่นมาใช้ เนื่องด้วยความแตกต่างด้านระบบและวัฒนธรรม
ทางผมจึงได้วิธีการปรับระบบให้เข้ากับสไตล์คนไทย เช่นว่า แนะนำวิธีการประสานงานกับพนักงานคนไทย เพื่อให้ไม่เกิดความขัดแย้ง และเพื่อให้พนักงานอยากทำงานอยู่กับบริษัทในระยะยาว ซึ่งผมก็ได้มีแนะนำวิธีการทำคู่มือพนักงานไปให้ด้วย

Q.  ช่วยยกตัวอย่างเคสที่ซับซ้อนหน่อยครับ

 เคสที่ซับซ้อนที่ผมจำได้ดีคือเคสลูกค้าที่เป็นบริษัทประเภทธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตของญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ที่จะมีการสั่งซื้อวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิต โดยในบริษัทจะมีผู้จัดการคนไทยที่ทำงานกับบริษัทมานานกว่าหัวหน้าชาวญี่ปุ่นที่ถูกส่งมาจากบริษัทแม่(Expat) ซึ่งพอหัวหน้าชาวญี่ปุ่นได้เช็คดูประวัติการสั่งซื้อวัตถุดิบแล้วปรากฎว่าราคาวัตถุดิบที่สั่งซื้อมาราคาค่อนข้างแพง อีกทั้งคนที่มีอำนาจอนุมัติการสั่งซื้อก็คือผู้จัดการคนไทย ทางหัวหน้าชาวญี่ปุ่นจึงตกใจเป็นอย่างมาก จึงได้ออกคำสั่งให้เปลี่ยนซัพพลายเยอร์
ที่ผ่านมาระบบการเซ็นต์อนุมัติของบริษัทนี้เป็นแบบที่ผู้จัดการคนไทยมีอำนาจอนุมัติเพียงท่านเดียว ซึ่งถือเป็นปัญหาอย่างมากแต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เนื่องจากว่าหัวหน้าชาวญี่ปุ่นต้องกลับญี่ปุ่นตามกำหนด และไม่ได้มีการสานต่อให้กับหัวหน้าชาวญี่ปุ่นคนใหม่ที่มารับหน้าที่ต่อ ทำให้ปัญหานี้จึงไม่ได้รับการแก้ไข
ผมจึงได้แนะนำไปว่าควรจะเปลี่ยนระบบการเซ็นต์อนุมัติไม่ให้ผูกขาดอยู่แค่คนเดียว จึงได้แนะนำให้เปลี่ยนระบบเป็นการเซ็นต์อนุมัติหลายขั้น

Q. ช่วยพูดถึงความสัมพันธ์กับบริษัทเอแคสท์หน่อยครับ

ผมได้รู้จักกับคุณโอคาดะ(ผู้บริหารของบริษัทเอแคสท์)ตั้งแต่ผมผันตัวเป็นที่ปรึกษาฯอิสระ คุณโอคาดะเป็นคนที่ขยัน, ทุ่มเทและจริงจัง ทุกครั้งที่ผมติดต่อไปไม่ว่าจะทางอีเมล์หรือโทรศัพท์ เขาจะฟีตแบ็คกลับมาเร็วทุกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นพาร์ทเนอร์ที่สามารถพึ่งพาได้ทุกเรื่อง
คุณโอคาดะก็จะมีขอคำปรึกษาเกี่ยวกับเคสของลูกค้าอยู่เป็นระยะๆซึ่งก็จะมีประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องการสานสัมพันธ์กับพนักงานคนไทยและความแตกต่างทางวัฒนธรรม นอกจากนี้เราก็มีการซัพพอร์ทซึ่งกันและกันอยู่ตลอด เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนคู่คิดที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาตลอด

พาร์ทเนอร์ที่สามารถพึ่งพาได้ทุกเรื่อง

Q. ช่วยพูดถึงความสัมพันธ์กับบริษัทเอแคสท์หน่อยครับ

ผมได้รู้จักกับคุณโอคาดะ(ผู้บริหารของบริษัทเอแคสท์)ตั้งแต่ผมผันตัวเป็นที่ปรึกษาฯอิสระ คุณโอคาดะเป็นคนที่ขยัน, ทุ่มเทและจริงจัง ทุกครั้งที่ผมติดต่อไปไม่ว่าจะทางอีเมล์หรือโทรศัพท์ เขาจะฟีตแบ็คกลับมาเร็วทุกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นพาร์ทเนอร์ที่สามารถพึ่งพาได้ทุกเรื่อง
คุณโอคาดะก็จะมีขอคำปรึกษาเกี่ยวกับเคสของลูกค้าอยู่เป็นระยะๆซึ่งก็จะมีประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องการสานสัมพันธ์กับพนักงานคนไทยและความแตกต่างทางวัฒนธรรม นอกจากนี้เราก็มีการซัพพอร์ทซึ่งกันและกันอยู่ตลอด เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนคู่คิดที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาตลอด

 


เกี่ยวกับบริษัทDiscovery Future

บริหารงานโดยคุณนาวี รัตนพร อายุ66 ปี จบปริญญาตรีจากคณะบัญชีฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบMBAจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มีประสบการณ์ทำงานและมีความรู้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ตรวจสอบการเงินแห่งธนาคารแห่งประเทศไทยมายาวนาน และการบริหารธุรกิจด้วยตัวเอง ที่เริ่มต้นจากการร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่น และได้ซื้อกิจการมาบริหารเองในภายหลัง อีกทั้งยังได้เคยเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทไทยและญี่ปุ่นหลายแห่ง

ผู้แทนบริษัท:Mr.Navee Rattanaporn
ที่ตั้ง:585-587 Soi Ladprao 62, Ladprao Road, Wangtonglang, Bangkok 10310 Thailand
เบอร์โทรศัพท์:02-933-6155-7
เบอร์แฟกซ์:02-933-6158


เกี่ยวกับบริษัท เอ-แคสท์ (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัท เอ-แคสท์ (ประเทศไทย) จำกัด เราจะเป็นตัวแทนจัดการงานงานธุรการ・งานขาย・จัดซื้อ・บัญชี เพื่อให้ธุรกิจในประเทศไทยของท่านเป็นไปอย่างราบรื่น เราขอรับประกันคุณภาพของพนักงานในฝ่ายสนับสนุน ที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เราจะช่วยสนับสนุนท่านโดยวิธีต่างๆรวมถึงการแนะนำพนักงานให้แก่ท่านด้วยเช่นกัน หากคุณมีความสนใจในการบริการของเรานั้น เชิญมาคุยเพื่อแสดงความคิดกับทางเราได้ทุกเมื่อ

ตัวแทนบริษัท: โอคาดะ ทาคาชิ
Address: 32/29 Sino-Thai Tower 8F, Sukhumvit 21 Road. (Asoke), Klongtoey-Nua, Wattana, Bangkok 10110
Tel +66(0)2-259-5113
Fax +66(0)2-259-3742
URL: https://a-cast.co.th/

หากคุณต้องการที่จะเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นโปรดติดต่อเรา

©2024 A-Cast (Thailand) Co., Ltd

Log in with your credentials

Forgot your details?